น้ำตาลกับ Probiotic | อยู่เพื่อกินบำนาญ | EP 6

Series : อยู่เพื่อกินบำนาญ
โดย : Shinny

อยู่เพื่อกินบำนาญ เป็นรายการที่ชินนี่ทำจาก passion อยากเล่าให้ฟังจริงๆ

ต้นเรื่อง

ในยุคที่ใคร ๆ ก็หันมาดูแลลำไส้ด้วยโปรไบโอติก มาดูกันว่าน้ำตาลกำลังทำลายความพยายามของคุณอย่างไร

และทำไมการรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้จึงเป็นหัวใจสำคัญสู่การมีชีวิตบั้นปลายที่ยืนยาว สุขสบาย และห่างไกลโรค

ในซีรีส์ “อยู่เพื่อกินบำนาญ” ตอนนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกถึงอันตรายจากน้ำตาลและวิธีฟื้นฟูสุขภาพลำไส้ เพื่อที่คุณจะได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างเต็มที่!

รับชมรับฟัง – ได้แบบสบายๆกันบน Youtube

เคยคิดไหมว่า “น้ำตาล” ที่คุณบริโภคทุกวันอาจเป็นตัวการลับที่บั่นทอนสุขภาพระยะยาว?

น้ำตาลและโปรไบโอติก

กุญแจสำคัญสู่ลำไส้ที่แข็งแรง เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่สุขสบาย

สำหรับใครที่กำลังวางแผนชีวิตหลังเกษียณอย่างมั่นคง ไม่ใช่แค่เรื่องการเงินเท่านั้นที่สำคัญ แต่ สุขภาพ คือรากฐานที่แท้จริงของการมีชีวิตบั้นปลายที่เปี่ยมสุข ในซีรีส์ “อยู่เพื่อกินบำนาญ” ตอนนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงสิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไป นั่นคือ ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำตาล สุขภาพลำไส้ และชีวิตที่ยืนยาว

คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่ลงทุนกับอาหารเสริมโปรไบโอติกหรืออาหารหมักดอง เพื่อหวังเสริมสร้างแบคทีเรียดีในลำไส้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าตัวการสำคัญที่ทำลายแบคทีเรียเหล่านั้นกลับเป็น “น้ำตาล” ที่เราบริโภคอยู่ทุกวัน?

เข้าใจกันก่อน

จุลินทรีย์ในลำไส้คืออะไร?

ก่อนจะไปต่อ มาทำความเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานเกี่ยวกับโลกใบเล็กในลำไส้ของเรา:

  • จุลินทรีย์ (Microbes): สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่รวมถึงแบคทีเรียทุกชนิด
  • ไมโครไบโอม (Microbiome): อาณาจักรทั้งหมดของจุลินทรีย์เหล่านี้ในร่างกายของเรา
  • จุลินทรีย์ในลำไส้ (Gut Microbiome): กลุ่มจุลินทรีย์เฉพาะที่อาศัยอยู่ในระบบย่อยอาหารของเรา
  • โปรไบโอติก (Probiotics): แบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมอบประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ
  • พรีไบโอติก (Prebiotics): อาหารของแบคทีเรียดี (โปรไบโอติก) หรือก็คือใยอาหารนั่นเอง

จุลินทรีย์ในลำไส้ที่แข็งแรง ไม่ได้หมายถึงแค่ปริมาณที่มากเท่านั้น แต่ต้องมีความหลากหลายสูงด้วย ลองนึกภาพป่าฝนอันอุดมสมบูรณ์ ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ นั่นคือภาพของลำไส้ที่สมบูรณ์แบบ ตรงกันข้ามกับทุ่งหญ้าสะวันนาที่แห้งแล้ง ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่สมดุลของจุลินทรีย์

และน่าเสียดายที่ น้ำตาลคือตัวทำลายสำคัญ ทั้งปริมาณและความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้

เมื่อน้ำตาลเข้าจู่โจม

ผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกาย

น้ำตาลที่เราบริโภคเข้าไป ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อจุลินทรีย์ในลำไส้และสุขภาพโดยรวมของเราใน 3 ด้านหลักๆ:

  1. ทำลายเกราะป้องกันลำไส้:แบคทีเรียดีจะสร้างชั้นเมือกปกป้องผนังลำไส้ของเรา เปรียบเสมือนด่านป้องกันไม่ให้สารพิษ สารอันตราย หรือโมเลกุลอาหารที่ยังไม่ย่อยรั่วไหลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งอาจนำไปสู่ “ภาวะลำไส้รั่ว” (Leaky Gut) และการอักเสบเรื้อรังทั่วร่างกาย แต่น้ำตาลกลับเข้าไปทำลายแบคทีเรียดีเหล่านี้ ทำให้เกราะป้องกันอ่อนแอลง เราจึงเสี่ยงต่อการอักเสบและปัญหาสุขภาพต่างๆ มากขึ้น
  2. บั่นทอนภูมิคุ้มกันและระบบเผาผลาญ:รู้หรือไม่ว่า 70-80% ของระบบภูมิคุ้มกันของเราสร้างขึ้นโดยจุลินทรีย์ในลำไส้? นอกจากนี้ พวกมันยังผลิตสารเมตาบอไลต์ที่จำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย เมื่อสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ถูกรบกวนด้วยน้ำตาล ระบบภูมิคุ้มกันของเราจะอ่อนแอลง ทำให้เจ็บป่วยง่ายขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเมตาบอลิซึมที่สำคัญ เช่น โรคเบาหวาน
  3. ส่งผลกระทบต่อสมองและความรู้สึกอิ่ม:กว่า 90% ของสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองถูกผลิตโดยจุลินทรีย์ในลำไส้ การที่จุลินทรีย์ในลำไส้ไม่สมดุล อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนและสารสื่อประสาทที่ควบคุมความหิวและความอิ่ม ทำให้เรากินมากเกินไป และอาจนำไปสู่ปัญหาน้ำหนักเกิน สาเหตุที่บางครั้งเราอยากกินของหวานมากๆ อาจเป็นเพราะแบคทีเรีย “ไม่ดี” ที่เจริญเติบโตได้ดีในน้ำตาลเป็นตัวสั่งการ!

ปรับสมดุลลำไส้
3 กุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดี

เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่แข็งแรง เราต้องหันมาดูแลจุลินทรีย์ในลำไส้ให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง นี่คือ 3 กุญแจสำคัญที่คุณทำได้:

  1. เพิ่มการบริโภคพรีไบโอติก:พรีไบโอติกคืออาหารของแบคทีเรียดี! กินผักและผลไม้ให้หลากหลายสีสันและชนิดให้มากขึ้น เพราะมีใยอาหารสูง หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปสูงซึ่งแทบจะไม่มีใยอาหารเลย
  2. บริโภคโปรไบโอติก:คุณสามารถได้รับโปรไบโอติกได้จากอาหารเสริม แต่ทางที่ดีกว่าคือจากอาหารหมักดองตามธรรมชาติ เช่น:
    • โยเกิร์ตธรรมชาติ: เลือกชนิดที่ไม่เติมน้ำตาล
    • คอมบูชา: ชาหมักเพื่อสุขภาพ
    • กิมจิ: ผักดองสไตล์เกาหลี
    • นัตโตะ: ถั่วหมักญี่ปุ่น โดดเด่นเป็นพิเศษด้วยปริมาณโปรไบโอติกสูง วิตามิน K2 และเอนไซม์นัตโตไคเนสที่ช่วยลดความดันโลหิต
  3. ลดน้ำตาลและสารให้ความหวานเทียม:น้ำตาลทำลายจุลินทรีย์ในลำไส้โดยตรง และแม้แต่สารให้ความหวานเทียมก็สามารถส่งผลเสียต่อความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้และอาจทำให้เกิดการอักเสบได้เช่นกัน การลดปริมาณน้ำตาลในอาหารของคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

สรุปง่ายๆ สุขภาพที่ดี เริ่มต้นที่ลำไส้

อาหารที่ดีต่อสุขภาพควรปกป้องตับ สนับสนุนโปรไบโอติก และบำรุงสมอง น้ำตาลเปรียบเสมือน “ยาพิษ” ที่ทำลายทั้งสามส่วนนี้ และยังเป็นสารที่เสพติดได้ง่าย

เราสามารถเรียนรู้จากผู้คนใน “Blue Zones” หรือพื้นที่ที่ผู้คนมีอายุยืนยาวกว่าค่าเฉลี่ยของโลก พวกเขาให้ความสำคัญกับการกินผักในปริมาณมาก และหลีกเลี่ยงน้ำตาลและแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป

ดังที่เราได้เน้นย้ำในตอนก่อนๆ การเริ่มต้นมื้ออาหารด้วยผักในปริมาณมาก คือหนึ่งในเคล็ดลับง่ายๆ แต่ทรงพลัง ที่จะช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้ของคุณ เพื่อชีวิตหลังเกษียณที่ยืนยาว มีพลัง และเปี่ยมไปด้วยความสุข


เจ้าของเรื่อง

ชินนี่ นักวิทยาศาสตร์จากเดนมาร์ก ผู้สนใจการกิน และใส่ใจสุขภาพ