ไว้ใจ๋ได้กา : เมื่อ Trust ≠ Trust คำๆเดียวกันไม่ได้มาจากสิ่งเดียวกันเลย

โดย นก อุ่นผล
Series: บทเรียนจากยุโรป

“Trust” ที่วิทยาศาสตร์อยากให้สงสัย แต่การเมืองไม่อยากให้ถาม

Trust

ความแตกต่างพื้นฐานของ “ความน่าเชื่อถือ” (Trust) ในโลกวิทยาศาสตร์และการเมือง

เวลาเราพูดถึงคำว่า “trust” หรือ “ความเชื่อใจ” เรามักใช้คำเดียวกันหมดในหลายๆบริบท เช่น “ความเชื่อใจต่อวัคซีนรักษาโรค” “ความเชื่อใจต่อนักการเมือง” หรือ “ความเชื่อใจในระบบสวัสดิการสังคม” แต่พอแงะดูจริง ๆ “trust” ที่เราๆชอบใช้กันเนี่ย ในแต่ละบริบทมันมีรากฐานไม่เหมือนกันเลย และหลายครั้งความหมายอาจจะไม่ได้แทนกันด้วยซ้ำ

Trust ในวิทยาศาสตร์: เชื่อเพราะตรวจสอบได้ ทำซ้ำได้

ในโลกวิทยาศาสตร์ การจะเชื่อใจอะไร ไม่ได้เกิดจากการที่ใครพูดเก่ง พูดสวย หรือมีดีกรีเยอะ แต่เกิดจากการที่คนอื่นสามารถ “ทำซ้ำ” ได้ แล้วได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน หรือสามารถ “ตรวจสอบย้อนกลับได้” ว่าเขาทำยังไงมาบ้าง

เราจะเจอคำแบบนี้บ่อยในทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์:

  • Reproducibility (การทำซ้ำได้) – ใครก็ลองทำได้ แล้วได้ผลลัพธ์แบบเดิม
  • Verifiability (การตรวจสอบได้) – มีขั้นตอนชัดเจน ตรวจย้อนกลับได้
  • Proof / Logic – พิสูจน์ด้วยเหตุผล ไม่ใช่ศรัทธา
  • Transparency – โปร่งใส ตรวจสอบที่มาและกระบวนการได้หมด

พูดง่าย ๆ คือ ไม่ต้องเชื่อใครก็ได้ ถ้ามีระบบที่ให้เราตรวจเองได้

Trust แบบนี้เลยไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลเท่าไหร่ แต่มาจากระบบที่เปิดให้ใครก็ลองพิสูจน์เองได้

Trust ทางการเมือง: เชื่อเพราะ “พูดไม่ได้ทั้งหมด”

ในโลกการเมืองนั้นเกี่ยวข้องกับอำนาจ การจัดการผลประโยชน์ และบางทีการรักษาความสงบของบ้านเมืองหรือความสัมพันธ์กับต่างประเทศ

ความเชื่อมั่นเลยมักไม่ได้สร้างจากหลักฐานที่ทำซ้ำได้ แต่มักมาจากสิ่งที่พูดไม่ได้ หรือความรู้สึกส่วนตัว ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง

บางเรื่องต้องปิดไว้ เช่น ข้อมูลความมั่นคง, ข้อตกลงลับ

บางอย่างคลุมเครือตั้งใจ เช่น เพื่อ “รักษาสถานการณ์” หรือ “ป้องกันไม่ให้แตกหัก”

บางเรื่องวัดไม่ได้ เช่น ความจริงใจ หรือเจตนา

เพราะแบบนี้เราจึงเห็นนักการเมืองทุกประเทศทั่วโลกจึงเต็มไปด้วย “การจัดภาพลักษณ์” เช่น พูดจาฉะฉาน, แต่งตัวเรียบร้อย, หยอดคำหวานกับสื่อ หรือวางตัวเคร่งขรึม — เพราะสิ่งที่พูดไม่ได้ ต้องชดเชยด้วยสิ่งที่มองเห็นได้ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด!!!

แล้วทำไมตรวจสอบไม่ได้ทั้งหมด?

การเมืองเกี่ยวพันกับอำนาจ

เปิดเผยทุกเรื่องเท่ากับเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามโจมตี หรือทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในรัฐ

ข้อมูลบางอย่างมีความลับ

เช่น การเจรจาต่างประเทศ, ความมั่นคง, ความสัมพันธ์กับกองทัพ

บางอย่างเป็นเรื่องเจตนา/อารมณ์

ความไว้ใจนักการเมือง พรรคการเมืองที่ดูดี ไม่ได้มาจากหลักฐาน แต่จากความรู้สึกว่า “เขาน่าจะไม่โกง”

ระบบตรวจสอบมีขีดจำกัด

องค์กรที่ควรตรวจสอบรัฐ อาจถูกควบคุมโดยอ้อม หรืออ่อนแอโดยโครงสร้าง 

และอาจจะมีอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งในการเมืองนั้น เวลาไว้ใจใครแล้วต้องภาวนาให้เขาไม่ล้ม หรือ เขาไม่เทเรา แทบจะเป็นเรื่องปกติ 

เปรียบเทียบความแตกต่างของ Trust

จากรากฐานและบริบท ระหว่าง วิทยาศาสตร์ และ การเมือง

ด้านวิทยาศาสตร์การเมือง
พื้นฐานหลักฐาน, ทำซ้ำได้ความสัมพันธ์, ความรู้สึก
ตรวจสอบได้?ได้ชัดเจนได้บางส่วนหรือไม่ได้เลย
เปลี่ยนตามอะไรข้อมูลใหม่พฤติกรรม, กระแสสังคม
ใช้เหตุผลหรืออารมณ์?เหตุผลผสมกัน (อารมณ์+เหตุผล)
ขึ้นกับตัวบุคคล?ไม่มากมาก

ในวิทยาศาสตร์ ความจริงไม่กลัวคำถาม
เพราะคำถามคือเครื่องมือ ไม่ใช่การคัดค้าน
ใครจะลองซ้ำ ลองแย้ง ลองล้ม ก็เชิญเลย
เพราะ “ความจริง” ที่แท้ มันไม่ต้องมีใครปกป้อง — มันยืนได้ด้วยตัวมันเอง

แต่ในการเมือง คำถามบางคำอาจแพงเกินกว่าจะถามได้
ถามมากไป อาจกลายเป็นคน “ไม่รักชาติ”
ถามลึกไป อาจถูกดึงให้เข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
ถามตรงเกินไป… อาจกลายเป็นเสียงรบกวนในเกมที่มีเดิมพันเกินกว่าที่เรารู้

นอกจากนี้ “Trust” ไม่ได้มีความหมายตายตัว แต่วัฒนธรรม สังคม และระบบการเมืองมีผลต่อความหมายลึกของคำนี้
โดยเฉพาะในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เช่น เดนมาร์ก, นอร์เวย์, สวีเดน ซึ่งมักถูกยกเป็นตัวอย่างของ “สังคมแห่งความไว้ใจ” (high-trust societies)

Trust ในที่นี้เลยหมายถึง “ความเชื่อถือในระบบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นธรรมกับทุกคน”

ในบริบทสแกนดิเนเวีย คำว่า trust ไม่ใช่ “ความเชื่อใจแบบส่วนตัว”

แต่คือ ความมั่นใจว่า…

  • หน่วยงานรัฐจะปฏิบัติกับเราด้วยกติกาเดียวกับคนอื่น
  • ข้อมูลจากรัฐ/นักการเมือง/สื่อหลัก ไม่ถูกปิดบังหรือบิดเบือน
  • ถ้ามีปัญหา กลไกตรวจสอบและลงโทษจะทำงาน

Trust แบบนี้ในภาษาไทยควรแปลว่าอะไร?

คำไทยใช้ได้ไหมทำไม / ไม่ทำไม
เชื่อใจใช้ในความสัมพันธ์ส่วนตัวมากเกินไป
ศรัทธาเน้นอารมณ์เกินไป ไม่มีระบบรองรับ
ไว้ใจ⚠️พอใช้ได้ แต่ยังอิงความสัมพันธ์
เชื่อถือเน้น “ความมั่นใจบนหลักฐาน”
ไว้วางใจใช้ได้ในระดับระบบ เช่น “ไว้วางใจองค์กร”
เชื่อมั่นในระบบ✅ มากแม่นที่สุดสำหรับบริบทสแกนดิเนเวีย

Trust แบบนอร์ดิก = “เชื่อในระบบที่ไม่มีใครดีจนตรวจสอบไม่ได้”

แค่สามบริบทที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น คำว่า “trust” ซึ่งเป็นคำๆ เดียวกันยังมีรากฐานและบริบทที่มาแตกต่างกันขนาดนี้ ลองคิดดูว่าด้านอื่นๆ เช่น สังคมวิทยา รัฐศาสตร์ จิตวิทยา เศรษฐศาสตร์ การบริหาร ปรัชญา และมานุษยวิทยา ฯลฯ เขาจะเป็นแบบไหน ฝากให้ช่วยคิดเป็นการบ้านด้วยค่ะ ได้คำตอบอะไรก็แชร์ให้อ่านบ้างนะคะ


เกี่ยวกับผู้เขียน

นก เรียนด้านไอที มีประสบการณ์ทำงานด้านพัฒนาระบบของธนาคารแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ ปัจจุบันทำงานออกแบบระบบของผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์อันดับต้นๆ ของโลก 

เวลาว่างชอบทำกับข้าว ดูซีรีย์เกาหลี ชอบติดตามข่าวและความเคลื่อนไหวด้าน Cyber Security และช่วงนี้ติดตาม IG หมีเนย