Vertical Farming – การปลูกผักเชิงตั้งในเดนมาร์ก | Hello Denmark

โดย นก อุ่นผล
Series: Hello Denmark

Hello Denmark ซีรีส์ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับสถานที่น่าสนใจในเดนมาร์ก

ต้นเรื่อง

เดนมาร์กเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน “นวัตกรรมการเกษตร” และ “Vertical Farming” หรือการปลูกพืชในแนวตั้ง คือหนึ่งในแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาทรัพยากรที่จำกัด และตอบโจทย์การเกษตรยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับนวัตกรรมการเกษตรที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างการปลูกผักเชิงตั้ง ซึ่งเป็นการปลูกพืชในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ในอาคารสูง

รับชมรับฟัง – ได้แบบสบายๆกันบน Youtube

วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับนวัตกรรมการเกษตรที่กำลังเป็นที่สนใจอย่าง “Vertical Farming”

เมื่อพูดถึงประเทศเดนมาร์ก หลายคนอาจนึกถึงความสงบเรียบง่ายของวิถีชีวิต หรือแม้แต่สภาพภูมิอากาศหนาวเย็นที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเพาะปลูกในบางฤดูกาล แต่ในความจริง เดนมาร์กกลับเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน “นวัตกรรมการเกษตร” และ “Vertical Farming” หรือการปลูกพืชในแนวตั้ง คือหนึ่งในแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาทรัพยากรที่จำกัด และตอบโจทย์การเกษตรยุคใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Open Agriculture: วันเกษตรแห่งชาติที่เข้าถึงได้

ในเดนมาร์ก ทุกปีในวันอาทิตย์ที่สามของเดือนกันยายน จะมีงาน “Open Agriculture” ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และสัมผัสกับโลกของเกษตรกรรมสมัยใหม่ โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงคนเมืองเข้ากับการทำเกษตร รวมถึงนวัตกรรมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมนี้

หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นคือ Vertical Farming ซึ่งเป็นการปลูกพืชในลักษณะ “ชั้นวาง” ในสภาพแวดล้อมปิด โดยสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ เช่น แสง น้ำ อุณหภูมิ และสารอาหารได้อย่างละเอียด ด้วยเทคโนโลยี เช่น ไฟ LED ที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุด และระบบน้ำหมุนเวียนที่ลดการใช้น้ำได้มากถึง 90%

Nordic Harvest: ผู้นำใน Vertical Farming ของเดนมาร์ก

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Nordic Harvest บริษัทตั้งอยู่ไม่ไกลจากโคเปนเฮเกน ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 และเน้นการปลูกผักและสมุนไพรในแนวตั้งเพื่อจำหน่ายให้กับซูเปอร์มาร์เก็ตในท้องถิ่น ฟาร์มของพวกเขามีระบบปลูกแบบไม่ใช้ดิน โดยแร่ธาตุจะถูกส่งผ่านทางน้ำที่ควบคุมค่า pH อย่างเหมาะสม

นอกจากลดการใช้พื้นที่ แนวคิดนี้ยังช่วยลด Food Waste และรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ได้ยาวนานขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการใช้ยาฆ่าแมลง ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยสูง

ข้อดีของ Vertical Farming

  1. ประหยัดทรัพยากร
    • ใช้พื้นที่เพาะปลูกน้อยลง
    • ประหยัดน้ำ โดยน้ำที่ระเหยสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
  2. ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    • ไม่จำเป็นต้องถางป่าเพื่อทำเกษตร
    • ควบคุมสภาพแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  3. รองรับภูมิอากาศที่ไม่เหมาะสม
    • ในฤดูหนาวที่ปลูกพืชกลางแจ้งไม่ได้ ระบบนี้ยังสามารถทำงานได้ตลอดปี

อนาคตของการเกษตรแบบ Vertical Farming

แนวคิด Vertical Farming ยังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้หุ่นยนต์ช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิต หรือการนำเทคโนโลยีนาโนมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการปลูก เพื่อลดการพึ่งพาธรรมชาติ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

ในอนาคต นวัตกรรมนี้อาจกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยประเทศกำลังพัฒนา เช่น บราซิล ลดการทำลายป่าอเมซอน หรือแก้ปัญหาทรัพยากรที่จำกัดในประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์และอิสราเอล

ผักในฟาร์มแนวตั้ง – ตัวอย่างของความสมบูรณ์แบบ

การปลูกพืชในระบบปิด เช่น Vertical Farming ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิต แต่ยังเป็นตัวอย่างของการผสานเทคโนโลยีเข้ากับธรรมชาติ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนในทุกมิติ

เมื่อเปิดกล่องผักจาก Vertical Farm สีสันและคุณภาพที่สวยงามก็ทำให้เห็นได้ชัดว่า “ผักลูกคุณหนู” ที่ไม่ต้องเผชิญลมฝนหรือความลำบากเหล่านี้ คือคำตอบของเกษตรกรรมแห่งอนาคตที่ทุกคนควรจับตามอง!


หากคุณสนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Youtube The Forward

และอย่าลืมกดไลค์ แชร์ และ Subscribe ช่อง The Forward เพื่อไม่พลาดคอนเทนต์ที่น่าสนใจในอนาคต


เกี่ยวกับผู้เขียน

นก เรียนด้านไอที มีประสบการณ์ทำงานด้านพัฒนาระบบของธนาคารแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ ปัจจุบันทำงานออกแบบระบบของผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์อันดับต้นๆ ของโลก 

เวลาว่างชอบทำกับข้าว ดูซีรีย์เกาหลี ชอบติดตามข่าวและความเคลื่อนไหวด้าน Cyber Security และช่วงนี้ติดตาม IG หมีเนย