น้ำตาลทำให้แก่ – ศัตรูตัวร้ายของผิวพรรณ | อยู่เพื่อกินนานๆ EP 3

อยู่เพื่อกินนานๆ เป็นรายการที่ชินนี่ทำจาก passion อยากเล่าให้ฟังจริงๆ

ต้นเรื่อง

คุณเคยสงสัยไหมว่า

ทำไมน้ำตาลถึงถูกยกให้เป็นศัตรูสำคัญของสุขภาพผิวพรรณและการชะลอวัย?

เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าน้ำตาลส่งผลอย่างไรต่อร่างกายและผิวพรรณของเรา

รับชมรับฟัง – ได้แบบสบายๆกันบน Youtube

คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมน้ำตาลถึงถูกยกให้เป็นศัตรูสำคัญของการดูแลสุขภาพผิวพรรณและการชะลอวัย? วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันว่าปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดจากน้ำตาลส่งผลอย่างไรต่อร่างกายและผิวพรรณของเรา

น้ำตาลและปฏิกิริยา Glycation

เมื่อเราบริโภคน้ำตาลมากเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดจะพุ่งสูงขึ้น น้ำตาลส่วนเกินเหล่านี้จะเกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า Glycation ซึ่งเกิดจากน้ำตาลจับตัวกับโปรตีนหรือไขมันในร่างกาย ทำให้โครงสร้างของโปรตีนและไขมันเหล่านั้นเปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์จาก Glycation คือสารที่เรียกว่า Advanced Glycation End Products (AGEs) ซึ่งมีชื่อเหมาะเจาะกับผลลัพธ์ของมัน เพราะสาร AGE จะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพในระดับเซลล์ เช่น

  • ทำลาย คอลลาเจน และ อีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง
  • กระตุ้นการเกิด อนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวเร่งการอักเสบและความเสื่อมของเซลล์
  • ส่งผลต่อโครงสร้างของ DNA ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อผิวพรรณ

เมื่อคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวถูกทำลาย ผิวที่เคยเต่งตึงจะเริ่มหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย และสีผิวไม่สม่ำเสมอ สาร AGE ยังทำให้ผิวสูญเสียความเปล่งปลั่ง กลายเป็นผิวที่ดูหมองคล้ำและโทรม

ตัวอย่างง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจปฏิกิริยา Glycation
ลองนึกถึงไข่ต้มที่เด้งนุ่ม เมื่อคุณนำไปต้มในน้ำพะโล้ที่มีน้ำตาล ไข่จะเปลี่ยนสีและเนื้อสัมผัสกลายเป็นแข็งกระด้าง นี่คือผลจาก Glycation ที่ชัดเจน เช่นเดียวกับที่เกิดในร่างกายเรา

แหล่งของสาร AGE ในอาหาร

นอกจากน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงจะก่อให้เกิด Glycation แล้ว สาร AGE ยังพบได้ในอาหารที่เราบริโภค เช่น

  1. อาหารแปรรูป (Processed Food): อาหารที่ผ่านการแปรรูปอย่างหนัก เช่น ขนมขบเคี้ยว อาหารสำเร็จรูป
  2. อาหารทอด (Deep Fried): เช่น หมูปิ้ง ไก่ทอด เนื่องจากการประกอบอาหารที่ใช้ความร้อนแห้งจะเร่งการเกิด Glycation
  3. อาหารหวาน: โดยเฉพาะที่มีน้ำตาลฟรุกโตส (Fructose) ซึ่งทำให้เกิด AGE ได้มากกว่าน้ำตาลกลูโคส

แสง UV: ตัวเร่งการเกิด AGE

นอกจากอาหารแล้ว แสง UV จากดวงอาทิตย์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ โดยกระตุ้นให้เกิดสาร AGE ที่ทำลายโครงสร้างผิว

วิธีลด Glycation และ AGE

แม้ว่าเราจะหลีกเลี่ยง AGE ในชีวิตประจำวันไม่ได้ทั้งหมด แต่สามารถลดผลกระทบได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. ควบคุมน้ำตาลในเลือด
    • กินอาหารตามลำดับ: เริ่มจาก ผัก ตามด้วย โปรตีน และ ไขมัน ก่อนอาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาล
    • หลีกเลี่ยงอาหารหวานตอนท้องว่าง เช่น ขนมปังหรือขนมหวานในตอนเช้า
    • ออกกำลังกายหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยเผาผลาญน้ำตาลส่วนเกิน
  2. หลีกเลี่ยงอาหารที่มี AGE สูง
    • ลดการบริโภคอาหารทอด ปิ้งย่าง และแปรรูป
    • ใช้วิธีการประกอบอาหารแบบ ต้ม หรือ นึ่ง แทน
  3. เสริมสารต้านอนุมูลอิสระ
    • กินอาหารที่อุดมด้วย วิตามิน C และ วิตามิน E เช่น ส้ม มะนาว ถั่ว
    • เลือกอาหารที่มีสาร ควอเซทิน (Quercetin): พบในผักใบเขียวและผลไม้บางชนิด
    • เสริมอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โกจิเบอร์รี่ มะเดื่อ และสารสกัดจากมิ้นท์
  4. ปกป้องผิวจากแสง UV
    • ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัด

เจ้าของเรื่อง

ชินนี่ นักวิทยาศาสตร์จากเดนมาร์ก ผู้สนใจการกิน และใส่ใจสุขภาพ