thalay space – ตรวจเช็คการแบ่งขั่วการเมือง

ล้อมวง (ปิด) คุยกับ thalay space

Check-up :
The Polarization of Politics การผงาดขึ้นของฝ่ายขวาจัดและแนวคิดซ้ายสุดโต่ง

ตรวจเช็คสถานการณ์การเมืองโลก – ในวันที่ความเชื่อกลายเป็นจุดแตกหัก

จุดเริ่มต้น

ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเปิดวงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันแบบอบอุ่น (แต่ลึกซึ้ง) ในงาน thalay space #2: The Polarization of Politics การผงาดขึ้นของฝ่ายขวาจัดและแนวคิดซ้ายสุดโต่ง ซึ่งตั้งคำถามใหญ่ว่า “ยุโรปตอนนี้เป็นยังไง?” และ “เรากำลังไปทางไหน?” คำตอบไม่ได้มีแค่ซ้ายหรือขวา แต่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของอำนาจ, ความเชื่อ, ความหวัง และ…AI

เราขอสรุปประเด็นชวนคิดจากการพูดคุยแบบสั้นๆ ให้ได้อ่านกันตรงนี้ค่ะ

Radical Left and Fundamental Right

เริ่มเปิดประเด็นด้วย Keynote Speaker พี่ชินนี่ที่ชี้ให้เห็นว่า ไม่ว่าจะสุดโต่งด้านไหน ทั้ง Radical Left ทั้ง Fundamental Right ก็สามารถสร้างหายนะและเป็นต้นตอของเผด็จการได้เหมือนกัน โดย Radical Left จะเน้นทำลายโครงสร้างซึ่งหากโครงสร้างนั้นถูกทำลายแล้ว เผด็จการคนใหม่ แบบใหม่ก็จะถือกำเนิดขึ้นมา ดังเช่นสตาลิน ในขณะที่ Fundamental Right จะปกป้องโครงสร้างเดิม รักษาสถาบันที่เขาเชื่อด้วยการใช้อำนาจทำลายคนที่เห็นต่าง

เมกาวันนั้น and เมกาล่าสุด

เมกาวันนั้นในช่วงยุค 70 คอมมิวนิสต์ถือว่าเป็นฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาคือประชาธิปไตย ซึ่งแม้จะมีความเห็นต่างกันอย่างไรก็ยังยอมรับผลการเลือกตั้ง ในขณะที่เมกาล่าสุด เราได้เห็นฝ่ายทรัมป์บุกรัฐสภาเพราะไม่พอใจกับผลการเลือกตั้ง

แสดงให้เห็นได้ว่า การแบ่งแบบสุดขั้วกำลังเติบโตอย่างแข็งแรง แต่ละฝ่ายไม่มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอดจนข้อมูลระหว่างกัน ข้อมูลชุดเดียวกันถูกถอดความ แปลสารด้วย “แว่นตา” คนละอัน ซึ่งนำไปสู่ความหวาดกลัวและเกลียดชังฝั่งตรงข้าม จนขาด Trust ระหว่างกัน

Internet and its AI

การรับข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือคุณ AI ที่ทำหน้าที่เสมือนบก บรรณาธิการผู้ปราดเปรี่องไร้เทียมทาน โดยคุณ AI จะช่วยให้เรารับข้อมูลเร็วขึ้น ย่อยง่ายขึ้น ตรงประเด็นกับที่ถูกตั้งค่าไว้สะดวกขึ้น ส่งเสริม Engagement ของข้อมูลชุดนั้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเด็นชวนคิด: ข้อเท็จจริงที่เราเชื่อ ณ ตอนนี้เป็นผลลัพธ์จากสิ่งที่เราเข้าใจจริงๆ มากน้อยแค่ไหนหรือเป็นเพียงสิ่งที่ AI ประมวลผลให้เราเชื่อ

Subjectivity and Objectivity

Subjectivity หรืออัตวิสัย คือข้อเท็จจริงที่ได้รับอิทธิพลจากความเชื่อส่วนตัวมากกว่าข้อเท็จจริงที่เป็นจริง เช่น ความเห็นต่อความสวยของหินสีทอง ส่วน Intersubjectivity คือความเห็นของคนกลุ่มใหญ่ที่มีต่อความสวยของหินสีทองเหมือนกัน

Objectivity หรือภววิสัย คือข้อเท็จจริงที่พิจารณาเฉพาะข้อเท็จจริงเท่านั้น เช่น หินก็คือหิน เป็นหินที่ปาทั้งหัวคนและหัวหมาแตก

ประเด็นชวนคิด: เรากำลังเสพย์ข่าวแบบ Subjectivity หรือ Objectivity? ป.ล. ลองพิจารณากระแสข่าวของอดีตนายกยิ่งลักษณ์และนายกอิ๊งค์

ข้อสังเกต and ประเด็นของไบร์ท

  1. โลกที่เรากำลังพูดถึงคือโลกที่ประกอบด้วยแค่อเมริกาและยุโรปหรือเปล่า ส่วนอื่นของโลกอาจไม่ได้เป็นไปตามกระแสนี้ แม้กระทั่งในยุโรปเอง อังกฤษ ฮังการี โปแลนด์ เดนมาร์กก็มีบริบททางการเมืองภายในประเทศแตกต่างกัน
  2. การเลือกตั้งเยอรมนีครั้งล่าสุดที่พรรคขวาจัดได้รับคะแนนจากกลุ่ม first Voter เพิ่มมากขึ้นและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมเลือกพรรคหลัก 2 พรรคใหญ่อย่าง CDU และ SPD นั้น อาจตีความได้ว่า พวกเขาไม่มีศรัทธา ไม่เชื่อในระบบตรงกลางที่เคยเป็นของพรรคใหญ่พรรครัฐบาลมาก่อน

ไม่ว่าจะขวาสุด ซ้ายสุดก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่โลกไม่เคยเจอ ความคิดแบบสายกลางที่เกิดขึ้นหลังสงครามเย็นไม่ใช่คำตอบของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่มีใครรู้ว่าขวาสุดจะดีกว่าไหม หรือซ้ายสุดจะดีกว่า แต่ปัจจุบันที่เป็นอยู่มันไม่โอเค

  1. เพศ, อายุ, สีผิว, การเมืองและ AI เกี่ยวข้องกันมากกว่าที่คิด

พี่แจ่ว and ความเห็นของเขาต่อ “ตัวกลาง”

ตัวกลาง คืออำนาจกลางที่คอยควบคุม ดูแลความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม 2 กลุ่มหรือมากกว่านั้น ในสมัยศตวรรษที่ 10-12 ตัวกลางคือ super natural หรือพระเจ้า คาแรคเตอร์ของตัวกลางอาจเปลี่ยนไปแต่ไม่มีทางที่มันจะหมดไป ในปัจจุบันเราอาจจะเรียกมันว่า “รัฐชาติ” ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเราให้คำจำกัดความของรัฐชาติว่าอย่างไร

นีตซ์เช นักปรัชญาชาวเยอรมันเคยกล่าวไว้ว่า God is dead. ในขณะเดียวกันก็เริ่มมีคนประกาศแล้วว่า Man is dead. มนุษย์อาจจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางของบางสิ่งบางอย่างอีกต่อไป

A(lien) I(ntelligent)

คุณ AI ไม่ได้หล่นมาจากฟ้าและเป็นอย่างที่มันเป็นแบบทุกวันนี้ได้ทันที หากแต่มีกลุ่มทุนที่สามารถกำหนดทิศทางการเติบโตของมันได้ในขณะที่มันยังอยู่ในระดับอนุบาล นั้นก็คือกลุ่มทุนนิยม คุณ AI ต่างจากเครื่องจักรอื่นๆ ตรงที่มันสามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้เอง

Social Media Detox

ในสารคดี Social Dilemma เหล่า Founder ของ Social Media Platform ต่างตีตัวออกห่างการใช้ Social Media เหล่านั้น ร่วมไปถึงพยายาม subscribe คนที่เห็นต่าง

ประเด็นชวนคิด: เป็นไปได้ยากที่จะเลิกเล่น Social Media อย่างถาวร แล้วเราควรจะทำอย่างไร

Gen Z and Critical Thinking

  1. จากประสบการณ์ของแตมเห็นว่า Gen Z ขาด Critical Thinking เพราะโตมากับข้อมูลที่ถูกดีไซน์มาให้ย่อยง่าย เข้าใจง่าย และการจะมี Critical Thinking ได้นั้นก็ไม่สามารถถูกสอนได้โดยตรงจากการศึกษาในระบบ
  2. สำหรับพี่นก เด็กไทยมี Critical Thinking แต่ครูในมหาลัยต่างหากที่ไม่มี เด็กไทย deserve better than that ในยุคที่ข้อมูลมันมีมากมายเหลือเกิน การตั้งลิมิต กำหนดการใช้งาน Social Media อย่างในโรงเรียนเดนมาร์กหรือการหยุด Multitasking อาจเป็นประโยชน์
  3. ทอมมี่ ตัวแทน Gen Z บอกว่าระบบการศึกษามีผลมากต่อการฝึกคิด จากการเรียนใน Public School ของไทย 9 ปีและอีก 3 ปีที่แคนาดา ทำให้เห็นว่า การเห็นต่างจากชุดความเชื่อในระบบการศึกษาไทยเป็นเรื่องยาก ส่วน Social Media มีผลมากต่อ Critical Thinking ซึ่งแต่ละคนก็มีในระดับมากน้อยแตกต่างกันไป

จุดร่วมระหว่างกัน ตรงกลางระหว่างเรา

แต่ละคน แต่ละ Gen ล้วนถูกหล่อหลอมด้วยบริบทชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่มีทางที่จะมีระบบความเชื่อที่เหมือนกัน การหาจุดร่วมระหว่างกันจึงเป็นเรื่องสำคัญ บางทีเราต้องทำความเข้าใจว่า ประชาธิปไตยคือการยอมรับว่าเราจะไม่ได้ทุกอย่างที่เราต้องการ ประชาธิปไตยอาจจะทำให้คนที่เหม็นขี้หน้ากัน เกลียดกันอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ปองร้ายชีวิตกัน

พลอย and ความเชื่อทางการเมืองที่เปลี่ยนไป

หากถามพลอย 3-4 ปีก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความเห็นทางการเมือง พลอยจะตอบด้วยความรู้สึกที่ว่าต้องเลือกข้างให้ชัดเจน พร้อมอาจโยนคำถามกลับไปถามถึงเหตุผลของเหล่าสายกลางด้วยว่า ทำไมถึงตัดสินใจเช่นนี้ แต่ ณ วันนี้พลอยกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน อาจเพราะอายุที่มากขึ้นทำให้มีความขัดแย้งน้อยลง ฟังความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย

แพทองธาร Qualified เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยหรือไม่ Yes or No

คำถาม Yes or No ของพี่ชินนี่ที่ต้องการคำตอบจากทอมมี่ อันนำไปสู่ประเด็นชวนคิดพร้อมข้อถกเถียงของการให้คำจำกัดความของคำว่า “Qualified”, “Suitable” และ “Legitimate”

การ Qualified เป็นนายกในระบอบประชาธิปไตยรัฐสภาคือ การที่พรรคการเมืองนั้น มี สส ผ่านการเลือกตั้งที่ free & fair ตลอดจนมีความสามารถรวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้

พรรคเพื่อไทยมี สส ผ่านการเลือกตั้งมาเหมือนทุกๆ พรรค รวบรวมเสียงข้างมากในสภาได้ แพทองธารเป็นหนึ่งใน candidate นายกพรรคเพื่อไทย ดังนั้นแพทองธาร Qualified สำหรับการเป็นนายก

ทราย and ประเด็นที่อยากชวนคุย (หากมีโอกาส)

  1. นีตซ์เช บอก God is dead. พี่แจ่วบอก Man is dead. พี่ชินนี่บอก Now, AI is a baby. แล้วเราสามารถถอดบทเรียนของการเปลี่ยนผ่านจาก God is dead. ไปเป็น Man is dead. ได้อย่างไรบ้าง เพื่อเลี้ยง AI baby ให้โตมาอย่างดี ไม่เป็นพิษ ไม่เป็นภัย
  2. คุณ AI มีส่วนกำหนด ชี้นำความชอบ ตลอดจนเพศวิถีของเราได้อย่างไรบ้าง
  3. Yes, เด็กไทย deserve better. โครงสร้างกับเงื่อนไขชีวิตของเด็กไทยที่เรียนที่ไทย มันไม่ส่งเสริมให้พวกเขาโตได้อย่างมีชีวิตชีวาหรือโตโดยมีทางเลือกที่หลากหลาย เพราะโครงสร้างทางสังคมและการศึกษาที่เป็นปัญหา
  4. จากคำถามของพี่ชินนี่ที่มีให้ทอมมี่ ทรายเห็นว่ามันคือ Lost in Translation ที่ Generation(?) มีผลต่อการตีความ
  5. จะออกแบบวง Talk อย่างไร ให้ทุกคนมีพื้นที่ออกความเห็นได้ตรงกับใจ, ความคิด และตัวตนเท่าที่ตัวเองอยากแสดงออกได้มากที่สุด

สำหรับ Talk ครั้งหน้าไม่ว่าจะเห็นเหมือนหรือเห็นต่าง หากมีโอกาสก็มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น สร้าง Trust ระหว่างกันนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนถึงบรรทัดนี้ ขอให้มีช่วงเวลาอิ่มเอมใจค่ะ