โดย ชาย วีรพล
การพูดถึง “รัฐประหาร” ในประเทศไทยมักนำไปสู่การระลึกถึงเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโฉมหน้าประเทศมาหลายครั้ง เราได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนในการแลกเปลี่ยนใน Forum ของสมาคมหลายๆครั้งมาแล้วว่า การรัฐประหารเป็น “การตัดวงจรการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทย”
การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทยเปรียบได้กับการก่อสร้างอาคารอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละส่วนประกอบ เช่น การเลือกตั้ง หรือกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชน ล้วนเป็นอิฐที่ถูกวางเรียงเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างนี้ ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ความคืบหน้าก็จะปรากฏชัดเจนขึ้น ทำให้บ้านประชาธิปไตยของเราสูงขึ้นและมั่นคงยิ่งขึ้น
การหยุดยั้งวงจรพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทย
เหตุการณ์ “รัฐประหาร” ถือเป็นการขัดขวางกระบวนการก่อสร้างที่กำลังดำเนินไปอย่างรุนแรง มันเหมือนกับการที่โครงสร้างที่กำลังก่อรูปถูกทำลายลง ต้องเริ่มต้นใหม่ หรืออาจถึงขั้นต้องรื้อถอนทั้งหมด
นี่อาจคือเหตุผลง่ายๆว่า ทำไมรัฐประหารถึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ตัดวงจรการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ
“การที่ระบอบประชาธิปไตยถูกขัดขวางด้วยรัฐประหารซ้ำๆ ทำให้กระบวนการที่ควรจะนำไปสู่การเสริมสร้างสถาบันประชาธิปไตย การเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน และการสร้างหลักประกันสิทธิเสรีภาพ ถูกชะงักงันหรือถอยหลังไป ซึ่งโดยปกติแล้วสิ่งเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืนยิ่งขึ้น“

นอกจากนี้ ปัจจัยและองค์ประกอบที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถมีระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงได้ ก็จะถูกสั่นคลอนจนทำให้การสร้างอาคารประชาธิปไตยนั้นไม่มั่นคงและอาจถล่มลงมาได้อีกครั้ง ด้วยปัจจัยรอบด้านเหล่านี้
- การสูญเสียเวลาและโอกาส: ในระบอบประชาธิปไตย การบริหารประเทศควรเดินหน้าด้วยนโยบายที่ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและตรวจสอบจากประชาชนและผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้ง เมื่อเกิดรัฐประหาร อำนาจจะถูกรวมศูนย์ ทำให้กระบวนการนโยบายหยุดชะงักหรือถูกกำหนดโดยกลุ่มบุคคลที่ไม่ได้รับฉันทามติจากประชาชน ซึ่งเป็นการเสียโอกาสในการพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน (ดูเพิ่มเติมใน สถาบันพระปกเกล้า, 2565)
- ความไม่แน่นอนและขาดความเชื่อมั่น: ประชาธิปไตยสร้างความแน่นอนผ่านกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และกระบวนการที่โปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดึงดูดการลงทุนและสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคม การทำรัฐประหารเป็นการทำลายหลักนิติธรรม ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการบังคับใช้กฎหมาย และบั่นทอนความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนและประชาชนในระบบ ทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปได้ยาก (Meyersson, 2015)
- การจำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชน: หัวใจสำคัญของประชาธิปไตยคือการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดทิศทางของประเทศ แต่เมื่อเกิดรัฐประหาร อำนาจจะถูกยึดจากประชาชนไปโดยกลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานในการกำหนดอนาคตตนเอง ทำให้ประชาชนไม่มีช่องทางในการสะท้อนปัญหาหรือเสนอแนะนโยบายที่ตรงกับความต้องการของตนเอง (อ้างอิงจาก กรณีศึกษา คสช. ใน ThaiJO, 2567)
- การสร้างความแตกแยกในสังคม: ประชาธิปไตยส่งเสริมการยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายทางความคิด และแก้ไขความขัดแย้งผ่านกระบวนการทางการเมืองอย่างสันติ แต่การรัฐประหารมักเกิดขึ้นจากการใช้กำลัง และผลักดันวาระของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทำให้เกิดความไม่พอใจและความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่เห็นต่าง ซึ่งนำไปสู่ความแตกแยกทางสังคมที่ฝังรากลึก และบั่นทอนความสามารถของประเทศในการรวมพลังเพื่อเป้าหมายร่วมกัน (The101.world, 2567)

การพัฒนาประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงเรื่องของฝ่ายการเมือง แต่เป็นกระบวนการสำคัญในการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับประเทศ เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง การที่วงจรนี้ถูกขัดขวาง จึงทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับการสูญเสียโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า
การสร้าง “วงจรเผด็จการอำนาจนิยม” ก็คือ ความไม่เป็นประชาธิปไตย นั้นเอง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
สถาบันพระปกเกล้า. (2565). ปัญหาการพัฒนาประชาธิปไตยไทย. Wiki KPI.
เกี่ยวกับผู้เขียน

ชาย ในระบบโรงเรียน เขาศึกษามาทางด้านวิศวกรรมโยธา มีประสบการณ์ด้านวิชาการเกี่ยวกับน้ำและสภาพอากาศ เขาก้าวเข้าสู่วงการ Startup มีความสนใจในการขับเคลื่อนภาคประชาชน โดยมองผ่านด้าน non-technical เช่น ศิลปะ ประวัติศาสตร์ และการเมือง เขายังมีโอกาสคลุกคลีกับศิลปินที่มีความหลากหลายและมุมมองที่แตกต่าง ทำให้เขาได้เรียนรู้และเปิดรับแนวคิดใหม่ๆ เกี่ยวกับโลก
ปัจจุบันเขาทำงานในด้าน IoT และการบริหารจัดการพลังงาน