โดย นก อุ่นผล
Series: บทเรียนจากยุโรป
คนไม่ได้สนใจการเมืองโลกอีกต่อไป
คนสนใจแก้ปัญหาของตัวเองมากกว่า
เยอรมนีในจุดเปลี่ยน: การเลือกตั้ง 2025 กับบทบาทในระเบียบโลกใหม่
การเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมนีในปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องภายในประเทศ แต่ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของระเบียบโลกที่กำลังสั่นคลอน จากสงครามยูเครน วิกฤตพลังงาน ไปจนถึงการกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ ในทำเนียบขาว เยอรมนีกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่อาจกำหนดทิศทางของยุโรปและโลกในทศวรรษหน้า
ดร. โทบิอัส เมตซ์เลอร์ นักวิเคราะห์การเมืองนานาชาติ ได้ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลต่ออนาคตของเยอรมนี ไม่ว่าจะเป็นการประชุมความมั่นคงที่มิวนิค การพึ่งพาทรัพยากรจากรัสเซียและจีน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงภายในของรัฐบาลผสม “Traffic Light Coalition” ที่นำไปสู่การเลือกตั้งก่อนกำหนด
ขณะที่กระแสการเมืองฝ่ายขวากำลังเบ่งบาน เยอรมนีจะเลือกเส้นทางไหนต่อไป? บทบาทของ NATO และระเบียบโลกที่คุ้นเคยจะเปลี่ยนไปอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเยอรมนี ที่อาจส่งผลสะเทือนถึงทั้งยุโรปและเวทีโลก
สมาชิกของเรา นก อุ่นผล จะมาเล่าข้อคิดที่ได้จาก ดร. เมตซ์เลอร์ จากงาน thalay space : ตรวจเช็คสถานการณ์การเมืองยุโรปและโลก ก่อนการเลือกตั้งใหญ่เยอรมนี ให้ฟังกัน
มุมมองทางการเมืองโลก
หลังจากการโจมตีของรัสเซียต่อยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ โชลซ์ ได้กล่าวถึง Zeitenwende ซึ่งหมายถึงจุดเปลี่ยนหรือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของเยอรมนีและการเมืองโลก
สามปีต่อมา ในขณะที่ปูตินยังคงทำสงครามกับยูเครน ข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางทำให้ความขัดแย้งในตะวันออกกลางสงบลงชั่วคราว และโดนัลด์ ทรัมป์กลับสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง ชาวเยอรมันกำลังเตรียมตัวสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด
การเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์ทางการเมืองโลกส่งผลต่อการเมืองเยอรมันอย่างไร? และเยอรมนีจะมีบทบาทอย่างไรในระเบียบโลกใหม่ที่กำลังอยู่ในระหว่างการจัดวาง?
พวกเราสมาชิกสมาคมทะเลจึงเชิญดร. โทบิอัส เมตซ์เลอร์ มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อจะเข้าใจถึงประเด็นเหล่านี้ให้ดีขึ้น และเราก็ได้สรุปเรียบเรียงประเด็นที่คุยในงานมาแบ่งปันให้อ่านกันค่ะ
เริ่มต้นการพูดคุย ดร. เมตซ์เลอร์ ได้หยิบยกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองของเยอรมนีมาเล่าให้ฟังดังนี้

การประชุมด้านความมั่นคงที่มิวนิค – 14 กุมภาพันธ์ 2025
สด ๆ ร้อน ๆ กับการประชุมความมั่นคงที่มิวนิค รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน เจดี แวนซ์ มากล่าวสุนทรพจน์ในงาน ถือว่าสะเทือนยุโรปเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะตอนที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ เน้นย้ำว่า “ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อยุโรปมาจากภายใน มากกว่าจากรัสเซียหรือจีน เขาวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำยุโรปที่ละทิ้งค่านิยมประชาธิปไตยหลัก”
เพื่อน ๆ ไปดูเต็ม ๆ ได้ที่ https://youtu.be/pCOsgfINdKg
ดร. เมตซ์เลอร์ ตั้งคำถามให้ชวนคิดว่า รองประธานาธิบดีแวนซ์ หมายถึงหรือพยายามจะสื่ออะไร? ระหว่าง
1. สหรัฐอเมริกาจะปล่อยมือจากยุโรป
หรือ
2. สหรัฐอเมริกาไม่มีแผนการอะไรเลยที่จะทำกับยูเครนและจีน
ดร. เมตซ์เลอร์คาดว่าคืออันแรก อย่างไรเสียทั้งสองความหมายก็น่ากังวล แต่สิ่งที่น่ากังวลมากคือแล้วยุโรปจะทำอะไรต่อ?
ปูตินบุกยูเครน – วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2022
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าปูตินจะบุกยูเครนและไม่มีใครคิดว่าปูตินจะปล่อยให้การเมืองโลกถอยหลังไปในศตวรรษที่ 19 การบุกยูเครนทำให้เยอรมันวางตัวลำบากในการรักษาความสัมพันธ์กับทางรัสเซีย เพราะว่าเยอรมันจะมีผลประโยชน์จากรัสเซียทางด้านพลังงานและการค้า ถึงแม้ว่านานาชาติจะเคยเตือนเยอรมันแล้ว แต่เยอรมันก็ปล่อยหูทวนลม
ขอย้อนไปถึงความสัมพันธ์ของรัสเซียและเยอรมนีในช่วงปี 1970 ถึง 1990 เยอรมนีตะวันออกรักษาระบบสังคมนิยมที่เข้มงวดโดยมีการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต แต่การตกต่ำทางเศรษฐกิจและความไม่สงบของประชาชนทำให้ระบบนี้ล่มสลาย การรวมประเทศเยอรมนีอีกครั้งในปี 1990 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของเยอรมนีตะวันออก (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน หรือ GDR) และนโยบายต่าง ๆ ของเยอรมนี โดยจุดเปลี่ยนจากเหตุการณ์ที่สำคัญวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 นั่นคือการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน
ความสัมพันธ์ทางการเมืองอันอึมครึมระหว่างรัสเซียและเยอรมนีในยุคของแมร์เคิลและปูติน จะให้เห็นภาพดีที่สุดคือ
เหตุการณ์ที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน นำสุนัขไปพบกับนายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล เกิดขึ้นเมื่อปี 2007 ในระหว่างการประชุมที่เมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย
ปูตินพาสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์สีดำชื่อ โคนี (Koni) เข้ามาในห้องประชุม ซึ่งแมร์เคิลดูมีท่าทีอึดอัด เนื่องจากเธอเคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับสุนัขมาก่อนและกลัวสุนัข
เหตุการณ์นี้ถูกมองว่าอาจเป็นการแสดงอำนาจของปูติน เพราะเขาทราบดีว่าแมร์เคิลไม่ชอบสุนัข อย่างไรก็ตามปูตินอ้างภายหลังว่า เขาไม่ได้ตั้งใจข่มขู่แมร์เคิลและเพียงแค่ต้องการทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
อาจจะต้องเกริ่นถึงแมร์เคิลก่อนว่า แมร์เคิลเกิดและเติบโตในเยอรมนีตะวันออก เข้าใจภาษารัสเซียได้ดี ดังนั้นการที่ปูตินพูดคุยเป็นภาษารัสเซียไม่ได้เป็นอุปสรรคกับแมร์เคิล

จุดเปลี่ยนทางการเมือง
จุดเปลี่ยนทางการเมืองอาจจะกลายเป็นการพลาดโอกาสการเป็นผู้นำการเมืองโลกของเยอรมนี
ดร. เมตซ์เลอร์ ได้ตั้งสมมติฐานที่จะเกิดขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมืองของเยอรมนี เป็น 2 ประเด็นหลัก ๆ ดังนี้
1. เยอรมนีจะปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก
2. การเมืองภายในประเทศเยอรมนีจะไหลไปตามกระแสของยุโรปประเทศอื่นิๆ
โดยพื้นฐานแล้วเยอรมนียังพึ่งพาพลังงานจากทางรัสเซีย 55% เป็นพลังงานแก๊ส 45% เป็นถ่านหิน พึ่งพาด้านการค้าจากจีน 245 พันล้านยูโร ในขณะเดียวกันเยอรมนีเองก็พึ่งพาสหรัฐอเมริกาในด้านป้องกันประเทศ
เพื่อน ๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคงเกาหัว นี่มันความสัมพันธ์อะไรกันครับเนี่ย!!! ก็นี่แหละคือหัวเชื้อของเรื่องต่าง ๆ ที่จะตามมา เราเลยขอปูพื้นคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ทางการเมืองของเยอรมนีกันก่อน
เลือกตั้งปี 2021
เลือกตั้งปี 2021 เยอรมนีจัดตั้งรัฐบาลผสม มีชื่อว่า Traffic Light Coalition
หลังการเลือกตั้งปี 2021 พรรค SPD, พรรคกรีน (Greens), และ พรรค FDP (เสรีนิยม) ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลผสม “Traffic Light Coalition” ซึ่งได้ชื่อนี้เพราะสีของพรรคต่าง ๆ คล้ายสัญญาณไฟจราจร (แดง-เหลือง-เขียว) โดยมีโอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) จาก SPD ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่แทนอังเกลา แมร์เคิล ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2021
รัฐบาลผสม “Traffic Light Coalition” ของเยอรมนี (SPD-Greens-FDP) มีนโยบายหลักที่เน้นรัฐสวัสดิการ (SPD), สิ่งแวดล้อมและพลังงานสีเขียว (Greens), และเสรีภาพทางเศรษฐกิจและดิจิทัล (FDP)
- SPD – ค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้น สวัสดิการดีขึ้น
- Greens – ลดการใช้พลังงานฟอสซิล มุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียว
- FDP – ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ลดภาษีธุรกิจ
ทุกอย่างดูราบรื่นแต่จู่ ๆ ปูตินก็บุกยูเครน ทำให้พลังงานราคาถูกที่เยอรมันเคยมีเคยใช้หายไปและนโยบายของรัฐบาลผสมก็สะเทือนจาก สงครามยูเครน วิกฤตพลังงาน และปัญหาเงินเฟ้อในยุโรปซึ่งส่งผลต่อทิศทางการบริหารของรัฐบาล เรื่องมันยังไม่จบแค่นี้
นโยบายการใช้จ่าย
นโยบายการใช้จ่าย ส่งผลกระทบต่อโครงการพลังงานและความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
เมื่อปี 2021 รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล (CDU) ได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉิน 60,000 ล้านยูโร เพื่อรับมือกับวิกฤต COVID-19 แต่พอเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เมื่อปี 2022 รัฐบาลของอดีตนายกรัฐมนตรี โอลาฟ โชลซ์ (SPD) ตัดสินใจโอนเงินดังกล่าวไปใช้ใน กองทุนปกป้องสภาพอากาศและการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ (Climate and Transformation Fund – KTF) ซึ่งมุ่งเน้นการลดการปล่อยคาร์บอนและการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว จึงทำให้พรรคฝ่ายค้าน CDU/CSU ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้ตามวัตถุประสงค์ดั้งเดิม
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2023 ศาลรัฐธรรมนูญแห่งเยอรมนีวินิจฉัยว่า การโอนเงิน 60,000 ล้านยูโร ไปยังกองทุนอื่น ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
เหตุผลคือ งบประมาณดังกล่าวได้รับการอนุมัติเป็นกรณีพิเศษสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน (COVID-19) และไม่สามารถนำไปใช้กับวัตถุประสงค์อื่นโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาใหม่
คำตัดสินนี้ทำให้รัฐบาลต้องปรับงบประมาณใหม่และส่งผลให้โครงการบางส่วนของพรรคกรีนและ SPD ต้องถูกตัดลด
พรรค FDP เป็นพรรคเสรีนิยมที่สนับสนุนเศรษฐกิจเสรี ลดภาษี และลดการแทรกแซงของรัฐ แต่ในรัฐบาลผสม FDP ต้องประนีประนอมกับ SPD (สังคมนิยม) และ Greens (สิ่งแวดล้อม) ซึ่งมีแนวทางตรงข้าม สมาชิกพรรคบางส่วนไม่พอใจกับนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่อง ภาษี งบประมาณ และการใช้จ่ายของรัฐ
พรรค FDP เผชิญแรงกดดันจากสมาชิกบางส่วนให้ถอนตัวจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผู้นำพรรค คริสเตียน ลินด์เนอร์ (Christian Lindner) ตัดสินใจอยู่ต่อ แต่พยายามปรับนโยบายให้เป็นไปตามแนวทาง FDP มากขึ้น
ในเดือนพฤศจิกายน 2024 รัฐบาลผสมของเยอรมนี ซึ่งประกอบด้วยพรรค SPD, พรรคกรีน และพรรค FDP ประสบปัญหาภายในเมื่อ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ตัดสินใจปลดนายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งผลให้พรรค FDP ถอนตัวจากรัฐบาล ทำให้รัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากในสภา
ต่อมาในวันที่ 16 ธันวาคม 2024 นายกรัฐมนตรีโชลซ์เผชิญกับการลงมติไม่ไว้วางใจในรัฐสภา ซึ่งเขาไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ ส่งผลให้ ประธานาธิบดีแฟรงก์-วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ ตัดสินใจยุบสภาและกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2025

กระแสการเมืองแบบขวา
กระแสการเมืองแบบขวา-อนุรักษนิยม กำลังเบ่งบาน
หลังจากที่รัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีโชลซ์ถูกลงมติไม่ไว้วางใจทำให้มีการเลือกตั้งก่อนกำหนดนั้น ส่งผลต่อภาพของการเมืองและเศรษฐกิจยุโรปเนื่องจากเยอรมนีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
ดร. เมตซ์เลอร์ ได้คาดการณ์ว่าการเลือกตั้งครั้งล่าสุดของเยอรมนี ผลจะไม่ต่างจากประเทศอื่นในโลกซึ่งสะท้อนว่าคนไม่ได้สนใจการเมืองโลกอีกต่อไป คนสนใจแก้ปัญหาของตัวเองมากกว่า ในการหาเสียงพรรค AfD พรรคฝ่ายขวาของเยอรมนีซึ่งมี “อีลอน มัสก์” โชว์ตัวผ่านจอประชุมพรรค AfD ในการหาเสียงคาดว่าจะได้ที่นั่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็เพิ่มจริง ๆ แหละ
ตอนท้าย ๆ ดร. เมตซ์เลอร์ ย้ำซ้ำ ๆ ว่าเราไม่ได้อยู่ในโลกเมื่อ 4-5 ปีก่อนแล้ว สิ่งที่เราคุ้นเคยชินแบบเดิมหรือ “Business As Usual” จะหายไปตลอดกาล ระเบียบโลกใหม่จะเกิดขึ้น องค์กรหลัก ๆ ที่ตั้งหลังสงครามเย็นต่าง ๆ เช่น NATO จะไม่ใช่ผู้เล่นหลักอีกต่อไป แต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลับไปเป็นการเมืองมหาอำนาจที่เคยมีในยุคศตวรรษที่ 19 และนี่จะเป็น Zeitenwende หรือการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของเยอรมนีและการเมืองโลกที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพื่อน ๆ อ่านแล้วคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ชาวไทยไกลบ้านโดยเฉพาะที่อาศัยในยุโรปอ่านแล้วหนาว ๆ ร้อน ๆ กันไหม มีใครได้รับผลกระทบอะไรกันบ้าง คอมเมนท์มากันได้นะคะ
thalay space – Check-up
European political situations ตรวจเช็คสถานการณ์การเมืองยุโรป
ส่วนคนที่สนใจรายละเอียดของการพูดคุย ตามไปอ่านได้ที่ https://thalay.eu/checkup-eu นะคะ
Dr.Tobias Metzler
ดร. โทเบียส เมตซ์เลอร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการห้องสมุดเมืองคอร์บัค ประเทศเยอรมนี และมีพื้นฐานทางวิชาการที่กว้างขวางในด้านประวัติศาสตร์และการเมืองโลก เขาได้ศึกษาประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ยิวศึกษา และวรรณคดีเยอรมัน ที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน, เยล และเยรูซาเล็ม รวมถึงสำเร็จปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน นอกจากนี้ยังเคยเป็น Fellow ของสถาบัน Parkes Institute for Jewish and Non-Jewish Relations ที่มหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตัน และ Visiting Fellow ที่มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
ดร. เมตซ์เลอร์เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์โลกและการศึกษาข้ามชาติที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรุงเทพฯ โดยเขาได้ใช้ชีวิตในประเทศไทยมาหลายปี ทำให้เขาได้สัมผัสกับปัญหาความไม่มั่นคงทางการเมืองและการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในภูมิภาคนี้โดยตรง
เกี่ยวกับผู้เขียน

นก เรียนด้านไอที มีประสบการณ์ทำงานด้านพัฒนาระบบของธนาคารแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ ปัจจุบันทำงานออกแบบระบบของผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์อันดับต้นๆ ของโลก
เวลาว่างชอบทำกับข้าว ดูซีรีย์เกาหลี ชอบติดตามข่าวและความเคลื่อนไหวด้าน Cyber Security และช่วงนี้ติดตาม IG หมีเนย