การแก้ปัญหาหลอกลวงทางออนไลน์ในประเทศไทย: บทเรียนจากยุโรป

โดย นก อุ่นผล
Series: บทเรียนจากยุโรป

ข้อมูลส่วนตัวของประชาชน นำพาไปสู่การหลอกหลวง

สรุปย่อ

การแก้ปัญหาหลอกลวงทางออนไลน์ในประเทศไทยควรนำบทเรียนจากยุโรป เช่น เอสโตเนีย อังกฤษ และกลุ่มนอร์ดิกมาใช้ ซึ่งเน้นการยืนยันตัวตนออนไลน์ การให้ความรู้ประชาชน การสร้างหน่วยงานเฉพาะ และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ แม้บริบทจะแตกต่างกัน ไทยควรพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพิ่มการให้ความรู้และอบรมประชาชน และปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

แนวทางแก้ไข: เรียนรู้จากยุโรป

  • เอสโตเนีย: ใช้บัตรประชาชนดิจิทัล, ให้ความรู้ประชาชน
  • อังกฤษ: ตั้งหน่วยงาน NCSC แจ้งเตือนภัย
  • นอร์ดิก: แลกเปลี่ยนข้อมูลกันระดับภูมิภาค และเพิ่มการฝึกอบรม

เนื่องจากกระแสข่าวที่ประชาชนผู้สูงอายุโดนหลอกลวงทางออนไลน์ ทำให้มีการพูดถึงหนทางแก้ปัญหานี้ ความจริงปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์เป็นปัญหาที่ทั่วโลกต้องเผชิญ ประเทศไทยก็ไม่ยกเว้น โดยการหลอกลวงทางออนไลน์มีหลายรูปแบบเช่น การหลอกลวงทางอีเมล, การหลอกลวงผ่านเว็บไซต์ปลอม, การโจมตีผ่านโซเชียลมีเดีย และอื่นๆ ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินและข้อมูลส่วนตัวของประชาชน ในบทความนี้เราจะสำรวจมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาของประเทศในยุโรปเช่น เอสโตเนีย, อังกฤษและประเทศในกลุ่มนอร์ดิกเพื่อดูว่าประเทศไทยสามารถนำบทเรียนเหล่านี้มาปรับใช้ได้อย่างไร

เอสโตเนีย: ประเทศผู้นำด้านดิจิทัล

เอสโตเนียเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและดิจิทัลมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก มีการใช้ระบบ e-Estonia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับบริการของรัฐที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน รวมถึงระบบการเลือกตั้งออนไลน์ ระบบบริการสุขภาพออนไลน์และระบบการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ต

มาตรการที่ใช้ในเอสโตเนีย:

  1. การยืนยันตัวตนออนไลน์: ใช้บัตรประชาชนดิจิทัล (ID Card) ที่มีการเข้ารหัสขั้นสูงสำหรับการยืนยันตัวตน ทำให้การทำธุรกรรมออนไลน์ปลอดภัยยิ่งขึ้น
  2. การให้ความรู้ประชาชน: รัฐบาลเอสโตเนียให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์

อังกฤษ: การป้องกันและตอบโต้ภัยคุกคามไซเบอร์

อังกฤษเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ โดยมีหน่วยงานเฉพาะที่ทำงานเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์และการป้องกันการโจมตีออนไลน์เช่น National Cyber Security Centre (NCSC)

มาตรการที่ใช้ในอังกฤษ:

  1. การสร้างหน่วยงานเฉพาะ: NCSC ทำงานร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อป้องกันและตอบโต้ภัยคุกคามทางไซเบอร์
  2. การแจ้งเตือนภัย: NCSC มีระบบแจ้งเตือนภัยไซเบอร์แก่ประชาชนและองค์กรต่างๆ อย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

ประเทศในกลุ่มนอร์ดิก: ความร่วมมือระดับภูมิภาค

ประเทศในกลุ่มนอร์ดิกเช่น สวีเดน นอร์เวย์และฟินแลนด์ มีความร่วมมือระดับภูมิภาคในการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ระหว่างกันอย่างใกล้ชิด

มาตรการที่ใช้ในกลุ่มนอร์ดิก:

  1. การแลกเปลี่ยนข้อมูล: ประเทศในกลุ่มนอร์ดิกมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามและวิธีการป้องกันภัยร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ
  2. การอบรมและฝึกฝน: มีการจัดอบรมและฝึกฝนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้แก่เจ้าหน้าที่และประชาชนเพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการป้องกันตนเองจากการหลอกลวงทางออนไลน์

บริบทที่แตกต่างกันระหว่างไทยและยุโรป

แม้ว่ามาตรการต่างๆ ที่ประเทศในยุโรปนำมาใช้อาจดูเหมาะสมสำหรับประเทศไทย แต่บริบทและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอาจทำให้การนำมาตรการเหล่านั้นมาใช้ในประเทศไทยต้องมีการปรับปรุงและปรับใช้

  • ความพร้อมทางเทคโนโลยี: เอสโตเนียมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย ขณะที่ประเทศไทยยังคงต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง
  • การรับรู้และความเข้าใจ: ประชาชนในยุโรปมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับสูง ในขณะที่ประชาชนไทยยังคงต้องการการให้ความรู้และความเข้าใจเพิ่มเติม
  • การบังคับใช้กฎหมาย: กฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ในยุโรปมีความเข้มงวดและมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง ในขณะที่ประเทศไทยยังคงต้องพัฒนากฎหมายและการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

มาตรการที่ประเทศไทยควรเพิ่มในการแก้ปัญหาหลอกลวงทางออนไลน์

  1. การสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน: ควรมีการสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของภาครัฐและภาคเอกชนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและวิธีการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
  2. การให้ความรู้และการอบรม: ควรมีการจัดอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง
  3. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล: การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลให้มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรองรับมาตรการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
  4. การปรับปรุงกฎหมายและการบังคับใช้: ควรมีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้มีความทันสมัยและเข้มงวดมากขึ้นและมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง

บทสรุป

การแก้ปัญหาหลอกลวงทางออนไลน์เป็นเรื่องที่ต้องการความร่วมมือและการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างหน่วยงานต่างๆ ประเทศไทยสามารถนำบทเรียนจากประเทศในยุโรปเช่น เอสโตเนีย, อังกฤษและประเทศในกลุ่มนอร์ดิกมาปรับใช้เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับประชาชนและองค์กรในประเทศ ทั้งนี้ควรมีการพัฒนาความรู้และความเข้าใจของประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การแก้ปัญหาหลอกลวงทางออนไลน์เป็นความท้าทายที่ต้องการความร่วมมือและความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างสังคมดิจิทัลที่ปลอดภัยและมั่นคง

แหล่งอ้างอิง

National Cyber Security Centre (NCSC)

e-Estonia

Nordic Cooperation on Cyber Security

หมายเหตุ

ไม่ต้องเชื่อผู้เขียนทั้งหมด หากสงสัยแนะนำให้เช็คข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อีกที


เกี่ยวกับผู้เขียน

นก เรียนด้านไอที มีประสบการณ์ทำงานด้านพัฒนาระบบของธนาคารแห่งหนึ่งในยุโรปเหนือ ปัจจุบันทำงานออกแบบระบบของผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์อันดับต้นๆ ของโลก 

เวลาว่างชอบทำกับข้าว ดูซีรีย์เกาหลี ชอบติดตามข่าวและความเคลื่อนไหวด้าน Cyber Security และช่วงนี้ติดตาม IG หมีเนย