เชื่อหรือไม่ว่าเดนมาร์กก็มีการยิงในห้างเมื่อปี 2022

พาดหัวยั่วให้คลิก by Nok Unphon

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบกับโศกนาฏกรรมที่พารากอนวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา และขอบคุณตำรวจและผู้ปฐมพยาบาลในเหตุการณ์ทุกท่าน

ย้อนกลับไปวันที่ 3 กรกฎาคม 2022 เวลาประมาณห้าโมงครึ่ง ช่วงเย็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คนจำนวนมากไปจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้า Fileds ที่ตั้งอยู่ในเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

ผู้อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า มีชายผู้ก่อเหตุแบกปืนไรเฟิลพร้อมมีด เดินเข้าไปในห้าง ผู้ก่อเหตุเดินด้วยท่าทีโกรธและฉุนเฉียวมาก หลังจากนั้นก็วิ่งและตะโกนซ้ำๆ ว่า มันไม่จริงๆ แล้วก็ไล่กราดยิงคนไปทั่วแบบไม่เลือกหน้า

ตำรวจจับผู้ก่อเหตุถูก ภายใน 11 นาทีหลังจากการกราดยิง มีผู้เสียชีวิต 3 คน และได้รับบาดเจ็บ 23 คน ด้านตำรวจเดนมาร์กก็ประกาศทันทีว่าการกราดยิงไม่ใช่การก่อการร้าย เพื่อไม่ให้สังคมระแวงหรือเกลียดคนต่างชาติ ต่างศาสนา เพื่อไม่ให้เรื่องลุกลามใหญ่โต

ผู้ก่อเหตุมีประวัติเข้ารับบริการสุขภาพจิตเวช ก่อนกราดยิงผู้ก่อเหตุแชร์วีดีโอในโซเชียลมีเดีย จำลองการกราดยิง และพูดถึงการรักษาทางจิตเวชที่ไม่ได้ผลสำหรับเขา ปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนที่ถูกกฎหมาย ผู้ก่อเหตุไม่มีใบอนุญาตให้ใช้ปืน แต่เอาปืนมาจากคนที่อยู่ในบ้านที่เป็นสมาชิกชมรมยิงปืน

ศาลตัดสินว่าผู้ก่อเหตุมีความผิดฐานฆาตกรรม 3 ราย พยายามฆ่า 7 ราย จึงสั่งให้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปที่หน่วยจิตเวชแบบปิด

หลังจากเหตุการณ์กราดยิง ทางรัฐบาลได้ตั้งศูนย์วิกฤตชั่วคราวให้ประชาชนทั่วไปได้รับความช่วยเหลือทางจิตเวชอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทางราชวงศ์ของเดนมาร์กเลื่อนงานสังสรรค์ที่ต้องเข้าร่วม และมาร่วมจัดงานไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้แทน งานคอนเสิร์ตที่อยู่ใกล้กับสถานที่เกิดเหตุถูกยกเลิกเพื่อไว้ทุกข์ให้แก่ผู้เสียชีวิต

กฎหมายด้านการครอบครองปืนและอาวุธถูกพูดถึงในสื่อต่างๆ ทั่วโลก

คนในเดนมาร์กต่างหวังว่าความโหดร้ายแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง สื่อเดนมาร์กไม่ลงรูปหรือข้อมูลของผู้ก่อเหตุ แต่เลือกที่จะพูดถึงผลกระทบของผู้อยู่ในเหตุการณ์

นี่คือเรื่องจริงที่เกิดกับเดนมาร์ก ประเทศที่มีความสุขอันดับต้นๆ ของโลก มีกฎหมายการควบคุมการใช้ปืนที่เข้มข้น ใครจะคิดว่าจะมีการกราดยิงในห้างที่คนเดินกันหนาแน่น เมื่อเกิดเหตุการณ์กราดยิงขึ้น ในแต่ละภาคส่วนของสังคมต่างช่วยกันแก้ปัญหาตามหน้าที่รับผิดชอบของตน ไม่ว่าจะเป็นสื่อ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือตัวระบบเอง ต่างต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายในสังคมได้อีก